วันพุธที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒

เก็บมาเล่า การถ่ายภาพสารคดี (Documentary)

“People of the city can’t live even a single day if we stop serving you, but we couldn’t be a part of you still now,” said Shahara Khatun, a 66 years old woman of Dhaka’s Bihari camp. For the last 36 years, 22,000 people, packed in an area of 60,000 square metres, have lived, breathed, reproduced and survived, without the protection, benefits and recognition of a state, in a small section of the Dhaka city’s Mohammadpur area known as ‘Geneva Camp’, in the ‘state’ of Bangladesh.

The community has been forced to live as 'refugee' as a retribution of supporting Pakistan, during independence of Bangladesh. A community that possess many useful and sublime skills in labour, one that has its own literature and language, its own norms and customs, many culinary and cultural treats, have been buried under the title ‘refugee’. Today, in the twenty-first century the Biharis still exist without a state.

During my teens, I used to sneak out of my house when my mother is still in her afternoon siesta. I used to run through the small lane, go round and round with friends and finally reach to a slum like place. Elderly people used to call it “Camp Bazaar”. They said, these were temporary housing made for the Biharis after liberation war, who opted for Pakistan. Biharis were very keen on taming wild pigeons. I used to get bemused seeing Maruf, Mizan or Sahadat taking those pigeon out of the hole of tiny sheds and play with them. One day, Mizan gave me a pair of white pigeon. I always wanted to have my very own pigeons to raise them in my veranda of our rented house. But bringing any gift from Biharis was not allowed at home. My dreams were shattered and my parents grounded me, as they used to think; being in company of Biharis will derail me.

Being a photographer, I started exploring my own experience in the camp. Among the overwhelming population in the tiny camp I found a strong neighbourhood. Patches of sky seen through the shabby quarters and narrow allies of the slum was the only breathing space for the dwellers. A space without any empty space, embroidery works by women, religious environment continued to characterize the life of the camp. Here, kids still fly their pigeon; milads (religious recitation) are performed in tiny shelters, children runs through the allies.

Photographer: Andrew Biraj
Title: State Excluded
Location: Bangladesh

การถ่ายภาพสารคดี (Documentary)
March 16, 2009
การถ่ายภาพ สารคดี (Documentary) เหมือนงานเอกสาร แต่ต้องแปลจากตัวหนังสือมาเป็นภาพถ่าย ภาพถ่ายสารคดีไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่ภาพถ่ายวิถีชีวิตหรือสังคมเท่านั้น แต่มันรวมไปถึง ภาพถ่ายสถาปัตยกรรม ภาพถ่ายทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ภาพถ่ายธรรมชาติ ภาพถ่ายเชิงมานุษยวิทยา ภาพถ่ายเดินทาง ท่องเที่ยว ภาพถ่ายทางดาวเทียม ล้วนแต่เป็นงานภาพถ่ายเชิงสารคดีทั้งสิ้น

วัตถุประสงค์หลักของภาพถ่ายประเภทนี้คือการ บันทึกหลักฐานเอกสารเพื่อเก็บเป็นข้อมูล ในฐานะสื่อทางภาพที่มีอิทธิพลต่อความคิดและอารมณ์ ขอบเขตของงานภาพสารคดีจึงมิได้หยุดอยู่แค่การบันทึกข้อมูลหลักฐานเอกสารเท่านั้น รูปแบบของภาพถ่ายสารคดียังนำไปใช้ในการโน้มน้าวกระแสสังคมได้อีกด้วย

ความแตกต่างของภาพ สารคดี (Documentary) กับภาพข่าว, conceptual และ street shoot
- การถ่ายภาพสารคดี (Documentary) เหมือนงานเอกสาร แต่ต้องแปลจากตัวหนังสือเป็นภาพ เป็นการถ่ายภาพตามความเป็นจริงภาพไม่มีการตัดต่อ หรือจัดฉาก หรือสร้างเรื่องราวขึ้นมาเอง ใช้เวลาเรียนรู้กับเรื่องนั้น ๆ นาน
- การถ่ายภาพข่าวคือการบันทึกเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น อย่างทันทีทันใดตามความเป็นจริง แต่ไม่ได้สาวลึกเข้าไปในรายละเอียด
- การถ่ายภาพแบบ Conceptual คือการถ่ายภาพแบบวาง concept ตามมโนภาพของช่างภาพว่าต้องการให้ภาพออกมาแบบไหน
การถ่ายภาพแบบ Street shoot คือการถ่ายภาพแบบเดินตามถนน เห็นอะไรน่าสนใจก็ถ่ายแต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดที่มาที่ไปของภาพ

ภาพสารคดีที่ดีต้องมี:
1. ความสวยงามตามองค์ประกอบภาพ
2. เนื้อหาของภาพ ตามความเป็นจริงของสังคม ในแง่ดี หรือแง่ร้ายก็ได้ จะเป็นภาพเดียวหรือ เป็นชุดก็ได้
3. การทำงาน ภาพถ่ายแบบ Documentary เหมือนการทำ วิทยานิพนธ์ ตอนที่จะจบมหาวิทยาลัยนั่นเอง
4. ต้องศึกษาค้นคว้าข้อมูลในเชิงลึกว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทั้งในด้านบวกและด้านลบ หาต้นกำเนิด แหล่งที่มา อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
5. วาง conceptของภาพที่อิงกับความเป็นจริง สำรวจและทำความเข้าใจในสิ่งที่จะถ่าย ทำความคุ้นเคย ทำตัวกลมกลืน สร้างมิตรภาพระหว่างช่างภาพและสิ่งที่เราจะถ่าย ทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เพื่อสร้าง Connection เพื่อในโอกาสหน้า มีข่าวคราวอะไรจะติดต่อเราให้มาถ่ายได้
6. ไม่ควรจัดฉากถ่าย หรือ set ถ่ายภาพ (คงเหมือนสอบได้เกรด 4 แต่ลอกเขามา คงไม่ภูมิใจเท่าไร)
7. การแต่งภาพ ไม่ควรทำ ทำได้แค่ปรับความสว่าง มืด ของภาพเท่านั้น สายไฟที่รกเราก็ต้องเก็บไว้เพราะนั่นคือความจริง แต่บางอย่างที่เคลื่อนย้ายได้ และรกหูรกตา ก็เก็บกวาดออกก่อนถ่ายจะดีกว่า
8. การถ่ายภาพแบบ สารคดี (Documentary) จำเป็นต้องเป็นภาพ ขาว ดำหรือไม่ : ไม่จำเป็นแต่ที่ช่างภาพส่วนมากใช้ ขาว ดำ เพราะภาพขาวดำส่วนมากสื่ออารมณ์ได้ดี และช่างภาพต้องการลบสีสันในภาพออกไป ไม่ให้รบกวานสายตา, ภาพหดหู่ ต้องส่วนมากใช้ขาวดำ, แต่บางภาพไม่ควรใช้ภาพขาวดำเพราะผิดธรรมชาติ เช่นภาพ "ใบไม้ใบสุดท้าย" แต่เป็นภาพขาวดำ เราไม่สามราถมองเห็นได้ว่าใบสุดท้ายมันสีอะไร?
9. เรื่องที่ต้องการนำเสนอสำคัญที่สุด ความงามของภาพเป็นอันดับต่อมา ต้องสามารถสื่อให้เห็นสถานที่ได้ ใช้ภาพให้ หลากหลายมุมมอง
10. ต้องมีเวลาและทุ่มเทเวลากับโปรเจ็คนั้น ๆ อาจเป็นปี ถ่ายแล้วกลับมาดู ถ้าไม่ดีก็กลับไปถ่ายใหม่
11. เงินทุน เพราะตอนที่เรายังไม่มีชื่อเสียงเราต้องเริ่มแสวงหาข้อมูลและออกถ่ายด้วยตัวเราเอง (อันนี้มีทางแก้… ก็ชวน เพื่อน ๆ ไปสิจะได้แชร์ค่ารถ อิอิ..) หลังจากเสร็จโปรเจ็คแล้วก็ทำเรื่องขายก็จะได้เงินมา
12. ต้องมีจุดประสงค์ว่า ต้องการถ่ายไปเพื่ออะไร.. ส่งพิมพ์ตามหนังสือ หรือส่งขาย แต่สิ่งสำคัญทีควรทำคือ .. ขอให้ผลงานนั้นคืนกลับสู่สังคม คืนกลับสู่ต้นกำเนิดของภาพ อาจจะเป็นการทำ postcard ขาย กำไรคืนสู่ต้นกำเนิด เพื่อเป็นการช่วยสังคมให้ดีขึ้น อย่างน้อยก็เป็นกระบอกเสียงให้สังคมรับทราบและตื่นตัว
13. ต้องชั่งน้ำหนักด้วยว่าเรื่องบางเรื่องควรแตะต้องถ้าต้องการกระจายข่าวให้สังคมรับรู้ แต่เรื่องบางเรื่องถ้าทำแล้วมันทำให้ต้นกำเนิดภาพเสื่อมเสียหรือเสียหาย หรือจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงก็ไม่ควรทำ
14. ทำตัวเป็นกลาง ไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
15. แก้สถานการณ์ล่วงหน้าได้
DAO (สรุปจากการอบรมในหัวข้อการถ่ายภาพสารคดี กับ คุณสุเทพ กฤษณาวารินทร์)

*คัดลอกมาจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชุลีพร เกษโกวิท, การถ่ายภาพวารสารศาสตร์, บทที่ 8 สารคดี, คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2546
และควรอ่าน
http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=News&file=article&sid=2398
http://www.focusingclub.net/article/art-technic/documentary-photography/#more-1237

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น